วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครพนม

0000จะเป็นฟ้าลิขิตหรือวงจรวิถีชีวิตขีดเส้นให้เดินตามนั้น....ลูกครูพา...ลูกยายหวล...หลานตาด่อง..ยายเหรียญ...โตมากับท้องนาและคุ้งน้ำสงคราม...จะได้รับเสียงสวรรค์จากพ่อแม่พี่น้องชาวจังหวัดนครพนม...ให้รับเกียรติเป็นตัวแทนไปดำรงคตำแหน่งอันทรงเกียรติ...ที่คนทั้งหลายใฝ่ฝันแต่ไปไม่ถึงฝัน...ชีวิตเราก็เหมือนฝัน...ฝันที่ไม่ใช่กลางแดดฝันลมๆแล้งๆแต่เป็นฝันที่เป็นจริง...ฝันที่สัมผัสได้ด้วยความจริง...คะแนนที่ไดรับฉันทานุมัติถึงแม้ไม่มากมายแต่ผลของมันช่างมีความหมายต่อชีวิตลูกบ้านนอกอย่างมากมาย..นายอารมณ์ เวียงด้าน เบอร์14 ได้ 47,639 คะแนน เป็นอันดับที่สองของผู้สมัครทั้ง 14 คน นำความฉงนสนเท่มาให้คนทั่วทั้งจังหวัดสงสัยว่า...มันเป็นไปได้อย่างไร...และมันเป็นใครที่บังอาจหักปากกาเซียนทางการเมือง...ของคนเมืองนี้ลงอย่างไม่มีตำราเล่มใดเขียนไว้...เสียงวิพากษืวิจารณ์...เสียงชม...เสียงก่นด่าของผู้เล่นพนันได้เสีย...มันช่างเป็นสิ่งมหัสจรรย์ที่ประวิติศาสตร์ต้องจารึกว่า...คนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ...ทำงานแบบทุ่มเท..ไม่เห็นแก่ค่าตอบแทนใด..นอกจากทำเพราะรักในบ้านเกิด...ศรัทธาในงานที่ตัวเองทำ...ทุ่มเทสรรพกำลังที่มีตามอำนาจหน้าที่ที่ได้มา...ตอบสนองบุญคุณที่พี่น้องมอบหมายให้ด้วยความเต็มใจ...ผลที่ได้คือชัยชนะ...ประกอบกับศรัทธามหาชน...และพลังของทีมงาน ส.อบจ.นครพนม แกนนำทางการเมืองทุกหมู่บ้าน...โดยเฉพาะครูแก้ว...เพื่อนรัก ที่ช่วยผลักดันจนได้รับ...พลังศรัทธานั้นมา...แต่จะเอาไรแน่กับชีวิตที่มีลิขิตฟ้าลิขิตสวรรค์คอยบังคับและบงการอยู่เบื้องหลัง...ได้ชัยชนะมามาว่ายากแล้วการที่จะได้รับแต่งตั้งยังยากกว่า...เพราะถูกกำกับด้วยคนที่เรียกตัวเองว่า..กกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้ง)หรือคณะที่คอยควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความยุติธรรม...บุคคลสาธารณะย่อมอยู่ในสายตาของคนทั่วไป...ขณะที่มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จ...ข้อจริงบางอย่างที่ฝ่ายแพ้รุมฟ้องว่าเราทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง...เพื่อนฝูง...ญาติมิตร...คนสนิทคนไม่สนิทไกล้ใกล...ต่างอยากรู้จัก สว.คนใหม่...มีคนเข้าออกบ้านไม่ขาดสาย...ฮึ.ฮึ.นี่แหละอำนาจ...

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สว.สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครพนม....

0000ตั้งแต่23 มิถุนายน 2547 ถึง26 มีนาคม 49 เพลิดเพลินกับงานใหม่...ไม่ถึงสองปีการได้รู้จักคนได้แสดงฝีมือ...ในตำแหน่งรองนายก อบจ.นครพนมที่กินพื้นที่ทำงานทั้งจังหวัด...ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่...หัวหน้าส่วนราชการ ที่ได้ประสานกันตามบทบาทหน้าที่และภาระของงานที่เกี่ยวข้องกัน...เริ่มเข้าใจ เริ่มเรียนรู้ ทำงานเข้าขา...ชีวิตเล่นตลกอีกแล้ว...
ooooปี 2549 มีการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งที่สอง ของรัฐสภาไทยตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ....ในชีวิตไม่เคยใฝ่ฝันไม่เคยคิดการใหญ่...ขนาดที่จะไปนั่งในรัฐสภา ได้นั่งสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ที่มีเพื่อนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม(ส.อบจ)ทั้งจังหวัดที่คอยให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกัน ถือว่าสุดยอดแล้วในชีวิตนี้...เพราะครูทั้งจังหวัดก็มีเราหนึ่งเดียวเท่านี้แหละที่มีโอกาสได้นั่งสภาอันทรงเกียรตินี้...ด้วยความที่เป็นทีมการเมืองพรรคไทยรักไทยนครพนม...ใครจะสมัครตำแหน่งไหน...ขอให้เป็นทีมงานต้องมีเราไปปรากฎตัวบนเวทีหาเสียง...เป็นโฆษก...เป็นพิธีกรควบคุมเวที...เป็นตัวชงเรื่องในทีมปราศรัยมือฉมังของทีมไทยรักไทยนครพนม...เราจะเด่นกว่าผู้สมัครในทุกเวทีบางคนบอกว่าเราคือผู้สมัคร...คุณหญิงพันธ์เครือ ยงใจยุทธ ภริยา ฯพณฯพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 22 ของประเทศไทย คือผู้ที่ทีมงานคาดหวังและมุ่งมั่นตั้งใจให้สมัครรับเลือกต้งเป็น สว.นครพนม...เราร่วมเดินทางไปปรากฎกายทุกที่ที่คุณหญิงหลุยส์ อยากได้คะแนนจากชาวบ้าน...แต่ถึงวันสมัคร...คุณแม่หลุยส์ไม่ยอมสมัคร เหตุผลสั้นๆ...พ่อไม่ให้ลง...ไม่มีใครรู้เหตุและผลของพ่อใหญ่จิ๋ว...พ่อใหญ่ของคนอีสานใครก็ไม่กล้าถาม...
ppppเบอร์ 14 คือหมายเลขสุดท้ายของผู้สมัครทั้งหมด และเป็นวันสุดท้ายของการสมัครในวันที่ 27 มีนาคม 2549 เบอร์13 เป็นของประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมคุณนายแก็ส ศรีภริยาของส.ส.ไพจิต ศรีวรขาน ผู้แทนหลายสมัยของนครพนม นางสุจินดา ศรีวรขาน เลข14 นายอารมณ์ เวียงด้าน รองนายกอบจ.นครพนม ที่คนทั่วไปให้ฉายาว่า สิงห์เหนือ เสือใต้ หลังจากได้เบอร์เรียบร้อยทีมงานทั้งเหนือใต้ตกลงกันว่า ให้ทุกคนต่างหาคะแนน เขตใต้ช่วยเบอร์ 13 ส่วน 14 เขตเหนือช่วนกันอุ้ม
นนนนนโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี...ไม่มีอะไรจะได้มาง่ายๆ...ครูแก้ว ส.ส.ศุภชัย โพธิ์สุ หัวหน้าทีมของหมายเลข 14 สั่งทีมงานทุกอำเภอลุยเต็มที่...เราและญาติพี่น้องมีหน้าที่เดินแจกบัตรแนะนำตัวอย่างเดียว หาเสียง สว.ไม่มีการปราศรัยแต่ทีมงานทางการเมืองจัดเตรียมคนไว้ให้...เราจะไปปรากฎกายโดยบังเอิญ...ไปพบทีมงานพบชาวบ้านตามจุดต่างๆของแต่ละอำเภอ...การที่เรามีทีมงานที่เข้มแข็ง...แกนนำที่มุ่งมั่นตั้งใจ..ทำให้เรามีกำลังใจ...ออกบ้านเข้าเข้าบ้านดึก มีทั้งอุปสรรคมีทั้งความท้อแท้...ผสมกับความอยากชนะจิตตั้งมั่นใครนัดให้ไปพบ...ไปพูดคุย...เราไปทั้งนั้น...เพราะกระแสตอบรับจากชาวบ้านเป็นยาวิเศษขนานแท้...

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

มุ่งมั่นตั้งใจ...ทุ่มเท...และตั้งมั่น...

........วันแรกของการทำงาน...เรามีเพื่อนมีพี่มีน้องเพิ่มขึ้น...งานเพิ่มขึ้น...จากเคยอยู่กับเด็กมาอยู่กับผู้ใหญ่...เคยอยู่กับลูกหลานมาอยู่กับพ่อกับเพื่อน...ไม่เป็นไรที่ไหนก็ได้ขอให้ตั้งใจจริง...ชีวิตที่ท้าทาย...เราใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างท้าทาย...กับความเป็นจริง...ต้องขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ชาว อบจ.ที่ราชการเรียกว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม...อันเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือ...บุคลากรเพียบพร้อมทั้งวัยวุฒิคุณวุฒิ...หลากความคิดหลากประสบการณ์และหลากหลายสถาบัน...เพื่อนใหม่งานใหม่ต่างประสบการณ์เดิมโดยสิ้นเชิง...จังหวะก้าวเดินด้วยความระมัดระวัง บุคลิกเปลี่ยน...ความคิดเปลี่ยน...ประสบการณ์เปลี่ยน แต่ความเป็น ครูไก่ ของคนทั่วไปยังเหมือนเดิม...เป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมากหัวอ่อนคบง่าย...พูดคุยเสียงดัง...เป็นกันเองทุกเรื่องเหมือนพี่เหมือนน้อง...เราตั้งปณิธานว่าเพื่อนร่วมงานคือ...ญาติ...
.........ทำงานด้วยความสนุก...สุข...และสร้างสมประสบการณ์ในตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม...ได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นมากมาย...ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานทั้งประสานกันด้วยส่วนตัวและหน้าที่...ชีวิตล้อเล่นอีกแล้ว...เทวดาขีดทางให้เดินตามลิขิตฟ้า...จากวันที่ 23 มิถุนายน 2547 ที่เข้ารับตำแหน่งตามหนังสือแต่งตั้งโดยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนมนางมนพร เจริญศรี ...สนุกสนาน มุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท โดยนำเอาประสบการณ์ สภาวะแวดล้อมของครอบครัวที่ให้ความรักความอบอุ่น จากคุณพ่อคุณแม่มา สภาพความเป็นจริงของความที่เป็นลูกนครพนมมาประกอบการทำงาน...งานเดินไปด้วยความชื่นชม...จากฝูงชนที่อยู่เบื้องหลัง...แลไปข้างหน้าด้วยวาดหวัง...

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม

0000ใครเคยคิดบ้างไหมว่า...ชีวิตของครูบ้านนอกที่ไม่ได้มีจุดมุ่งหวังอะไรมากมายในชีวิต...จะได้มานั่งดูแลควบคุม...กำกับสั่งการ...ร้องขอ...และขอร้อง...เพื่อนพ้องน้องพี่ในองค์กรขนาดใหญ่ของจังหวัดนครพนม...ที่มีชื่อเรียกว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม(อบจ.)...และมีการเลือกตั้งตรงครั้งแรกของจังหวัดนครพนม...ที่ผ่านมานั้นผู้บริหารองค์การแห่งนี้มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมคือ...การเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด(สจ.)แล้ว สจ.มาเลือกกันเองหนึ่งคนเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาจังหวัดทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร...แล้วเลือก สจ.อีกสองคนเป็นรองประธาน...ก่อนพัฒนามาเป็นตำแหน่งนายก อบจ.แล้วเรียกชื่อสจ.ว่า ส.อบจ.(สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด) แล้วเปลี่ยนวิธีการได้มาของฝ่ายบริหารใหม่ แยกจากสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีอยู่เดิม 30 คน ทั้งจังหวัดนครพนม แบ่งเป็น 30 คน 30 เขต ครอบคลุมทั้งจังหวัด ตามจำนวนประชากรของแต่ละอำเภอ...
0000 การเลือกตั้งครั้งแรกของชีวิตที่เรียกว่าสนามการเมืองจริงๆ...ได้เริ่มขึ้นร่วมกับงานที่มี นางมนพร เจริญศรี เป็นผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม นายสมชอบ นิติพจน์ เป็นรองนายกองค์การบริการส่วนจังหวัดนครพนม คนที่ 1 และนายอารมณ์ เวียงด้าน ลูกแม่หวลบ้านศรีเวินชัย เป็นรองคนที่ 2 โดยเราตัดสินใจลาออกจาครู เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 หันหลังให้ชีวิตครูที่ได้สร้างสมบารมี และอาศัยเงินเดือนเลี้ยงลูกเมียมาแต่ต้น ตัดสินใจแน่วแน่แล้วเลือกเส้นทางการเมืองท้องถิ่น...เราเคยผ่านการเลือกตั้งมาบ้างแล้ว แต่...เป็นการเลือกตั้งในวงจำกัดที่เลือกกันเอง เช่น กรรมการกลุ่มโรงเรียน คณะกรรมการการประถมศึกษาอำเภอ(กปอ.)คุรุสภาอำเภอ,คุรุสภาจังหวัด ที่ชาวครูเลือกครูเพื่อไปทำหน้าที่แทน แต่การเลือกตั้งทุกครั้งเรามักเป็นผู้ชนะเสมอ...การเลือกตั้งครั้งนี้คนทั้งจังหวัดอายุ 18 ปีขึ้นไปมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง...ถึงแม้ไม่ได้เลือกเราโดยตรงเราไม่มีเบอร์...แต่ก็เบอร์เดียวกัน...เขาเลือกนายกก็เหมือนเลือกเรานายกได้เป็นเราได้เป็นถ้านายกสอบตกเราตกงาน...1พันกว่าหมู่บ้าน 93 ตำบลที่จะต้องเดินทางไปหาคะแนน และต้องไปปรากฎตัวต่อสาธารณะชนแล้วพูดเชียร์ตัวเองเพื่อให้คนลงคะแนนให้ซึ่งเรียกกันว่าหาเสียง...ถามว่าเหนื่อยไหม?ก็สนุกไปอีกแบบ ท้าทาย...มั่นใจ...เชื่อใจทีมงาน...ประสานงานกับคนหลายภาคส่วนมากขึ้น...ความเชื่อมั่น...ความมุ่งมั่น...มีเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ...
0000ถึงวันเลือกตั้งผลคะแนนออก...เหมือนยกภูเขาออกจากอกชนะแบบเฉียดฉิว ครูไก่ ครูอารมณ์ ครูบ้านนอก ของชาวบ้านจะได้เป็นนายก็คราวนี้แหละ... แต่อย่าคิดนะว่าจะได้เป็นนาย...เพราะตำแหน่งนี้เป็นของชาวบ้านเป็นของพี่น้องประชาชน...ไม่มีเขาไม่มีเรา...ถือว่าเราเป็นหนี้บุญคุณอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในชีวิตนี้...ตำแหน่งอันทรงเกีรยติ...ตำแหน่งแห่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี...ต้องทำให้ดีและประทับใจชาวบ้านให้ได้...เพราะชาวบ้านก็คือพ่อแม่พี่น้องเรา...และตัวเราเองก็คือชาวบ้านคือคนไทบ้าน ลูกไทบ้าน...ที่อยากได้อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีในช่วงชีวิตเรา...เราต้องทำได้...และจะทำให้ได้...เราขอสัญญากับตัวเอง...ทำในสิ่งใช่...ไม่ใช่อย่าทำ...