วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

งานคือตัวกำหนดชีวิตมนุษย์...ให้ก้าวย่างไปตามเส้นทาง


0000เรียน มสธ. 2ปี ก็จบหลักสูตรหลังอบรมเข้ม ณ โรงแรมแก่นอินทร์ อำเภอเมืองขอนแก่น ระหว่างวันที่ 19 - 23 พฤศจิกายน 2529 อันเป็นกระบวนการศึกษาครบหลักสูตรปริญญาตรีศึกษาศาสตร์ บริหารการศึกษา รุ่นที่ 5 ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช...และในเดือนธันวาคม 2530 ก็เข้ารับปริญญาตรีที่สวนอัมพร กรุงเทพฯ
0000เราได้ถือโอกาสพาลูกเมีย...ไปเที่ยวกรุงเทพ...นั่งลุ่ม พี่กอล์ฟ...มีสถานะพอ ๆกันคือตั้งแต่เกิดไม่เคยไปกรุงเทพเลย...งานนี้เราเป็นพระเอกเพราะถือว่าเคยอยู่กรุงเทพ...เราเป็นไกด์พาลูกเมียเที่ยวสถานที่นิยมของกรุงเทพ...วัดพระแก้ว...สวนสัตว์...สวนจตุจักร...มันคือสุดยอดความฝันของคนบ้านนอก...และงานนี้ปริญญาที่ได้มาถือว่าเป็นความสำเร็จของครอบครัว...นั่งลุ่มเป็นกำลังใจเวลาดูหนังสือ...พี่กอล์ฟคลอเคลียพ่อเวลาพ่อเหนื่อยจากการงาน...ปริญญาใบนี้เป็นปริญญาครอบครัว...
0000น้องเกมส์ตั้งแต่ปี 31หลังคลอด... เป็นต้นมาก็ไม่เคยไปกรุงเทพเลยเช่นกัน...ถ้าเราไม่ได้เรียนต่อปริญญาโทรัฐศาสตร์ รามคำแหง วิทยาเขตนาแก...อันเป็นมหาวิทยาลัยเปิด...ที่เราไม่สามารถจบปริญญาตรีได้...แต่สวรรค์ก็นำปริญญาโทรัฐศาสตร์..มาส่งให้ถึงบ้าน...เป็นปริญญาของครอบครัวเช่นเดียวกัน...เพราะทั้งบ้านเราเรียนอุดมศึกษาคนเดียว...นั่งลุ่มเรียนแม่บ้านศาสตร์...เป็นคนมีพรสวรรค์...เป็นนั่งแจ๋วของบ้าน...เราทำตัวเป็นลูกชายคนโต...รับส่งพี่กอล์ฟ...น้องเกมส์ ไปโรงเรียน...มีบางวันติดลมปล่อยลูกรออยู่กับคุณครู...ลูกเราทุกคนผ่านหลายโรงเรียน...พี่กอล์ฟ จบโรงเรียนกินนอนจาก ตชด.(ตำรวจตระเวนชายแดน)ก่อนจะไปเรียนต่อโรงเรียนกินนอนของคนจีน(โรงเรียนนานาชาติ)...คือโรงเรียนตงเจี่ย...ก่อนเข้าโรงเรียนประจำจังหวัด...ในชั้นอนุบาล 1 คือโรงเรียนอนุบาลนครพนม...จนจบ ป.6...น้องเกมส์...เรียนลัด...จบโรงเรียนกินนอนจาก ตชด.เข้าอนุบาลที่เดียวกับพี่กอล์ฟจนจบ ป.6...แต่พี่กอล์ฟดวงไม่ดีเท่าน้องเกมส์...เพราะเข้าเรียนต่อ ม.1โดยผ่านการจับสลาก...พี่กอล์ฟสอบได้ที่เก้าของรุ่น...ลูกเป็นศิษย์เก่าปิยะมหาราชาลัยเหมือนพ่อแม่ทั้งสองคน...

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551

ย้ายถิ่น...บินไปสร้างรังใหม่...




0000หลังแต่งงานปี 27 ...นังลุ่ม...ขอย้ายจากหนองคายมานครพนม...เราก็โชคดี...มีครูเขยบ้านแคเป็นคนปักษ์ใต้ชื่อครูมนูญ...อยากย้ายไปบ้านเมียติดต่อเราเพื่อย้ายสับเปลี่ยน...เราตกลงทันที่...การย้ายสับเปลี่ยนง่ายกว่าการย้ายทั่วไป...วันที่ 1 พฤษภาคม 2527 เราย้ายมาโรงเรียนบ้านหนองบัวนาทราย สปอ.เมืองนครพนม สปจ.นครพนม ในตำแหน่งครู 2 ระดับ 2 แต่นั่งลุ่มยังไม่ได้ย้าย เพราะตำแหน่งไม่ว่าง...จนเดือนตุลาคม 2527 มีเจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอท่าอุเทน...ตาย...ตำแหน่งว่าง...ย้ายมาแทนในตำแหน่งเจ้าหน้าที่สรรพากร 1 อำเภอท่าอุเทน...จากโอกาสที่ไม่ได้ร่วมบ้านกันมาหลายเดือน...ก็มีโอกาสสร้างรังรักแห่งใหม่ที่บ้านเลขที่ 133/3 ถนนทัศนปทุม ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม...และเธอ นังลุ่ม...ประจำเดือนไม่มาเลยตั้งแต่เดือนแรกของวันแต่งงาน...

000วันที่ 16 ตุลาคม 2527...พี่กอล์ฟ (เด็กหญิงจิตรวรา เวียงด้าน)ก็มุดออกจากครรภ์แม่ออกมาดูโลก เวลาค่อนสว่าง...นำความตื่นเต้นมาให้เรา...ได้ภาคภูมิในตัวเองอีกครั้งหนึ่ง...ว่าเราเป็นพ่อคนแล้วโว้ย...และพี่กอล์ฟก็เป็นที่ชื่นชมของพี่น้องทั้งสองตระกูล...

0000ชีวิตครอบครัวไม่ใช่ชีวิตที่พร้อมไปทุกด้าน...มันเป็นความยุ่งยากและท้าท้าย...แต่โดยพื้นฐานที่เราและนั่งลุ่มรักกันมากว่าทศวรรษ...เราผ่าน...น้อยใจ...เสียใจ...โกรธกัน...ดีกัน...รักกัน...คิดถึง...เมินเฉย...ถวิลหา...และรอคอย...สมหวังผิดหวัง...เข้ามาผ่านชีวิตเราทั้งสอง...ช่วงพ่อเราตาย...นั่งลุ่มก็คอยให้กำลังใจ...ให้สู้...ให้ยืนแล้วมองไปข้างหน้า...ถ้าถามว่านั่งลุ่มมีข้อตำหนิไหม?...ข้อบกพร่องละ...จุดแข็ง...จุดอ่อน...ก็เธอเหมือนมนุษย์...นี่แหละ...ไม่ใช่นางฟ้าหรือเทวดา...เราก็มีดี...เลว...เช่นเดียวกัน...แต่เราอยู่กันด้วยความรัก...ความเข้าใจ...ให้ความอบอุ่น...ให้เกียรติ...ร่วมคิดร่วมสร้าง...อภัยต่อกันเมื่อทำผิด...ตำหนิให้กำลังกันเพื่อฟันฝ่า...ปัญหาที่มี...ราบรื่นไหม?ต่อคำถามที่ถาม...ไม่หรอก...สุข...ทกข์...เป็นของคู่โลก...ไม่มีครอบครัวใดหรอกที่ไม่มีปัญหา...อย่าหลอกตัวเอง...แต่ปัญหามีไว้แก้ไม่ได้มีไว้กลุ้ม...ทุกปัญหามีทางออก...และทุกทางออกก็ย่อมมีปัญหาเช่นเดียวกัน...

0000วันที่ 14 กันยายน 2531 ...น้องเกมส์...(เด็กหญิงจิตตรารมณ์ เวียงด้าน)ก็แหวกท้องแม่ออกมาอีกคน...จากภาระที่ยุ่งยาก...ก็เพิ่มกำลังใจให้พ่อแม่และวงศาคณาญาติอีกครั้ง...ครอบครัวใหม่ก็ล้มลุกคลุคลานไปตามสภาพ...วิถีชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและ...ไม่ได้ปิดกั้นด้วยหนามไผ่เช่นเดียวกัน...จากครอบครัวเล็กๆทั้งน้องเรา...น้องเมีย...หลานเรา...หลานเมีย...ก็มาอาศัยด้วยเพื่อเรียนหนังสือ...นั่งลุ่มก็ย้ายมาอยู่สรรพากรอำเภอเมืองนครพนม...ก่อนคลอดน้องเกมส์ไม่กี่เดือน...

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

อยากมีเมีย...(หวังสร้างอนาคต)เขาว่าอย่างนั้นจริงๆ....
















0000ตั้งแต่เป็นครูลงไปสอบรามคำแหงครั้งเดียว...เงินเดือนพันกว่าบาท...เรียนรามปีสี่...ระหัสวิชาสูงขึ้น...การสอบแต่ละวิชาห่างกันจะเทียวลงไปสอบ...มีข้อจำกัด...เงินเดือนจ่ายค่ารถได้ครั้งเดียว...ลาติดต่อกันก็สงสารเด็ก...เห็นทีวิชารัฐศาสตร์จะเป็นเส้นขนานกับอาชีพครู
0000ลุงเรา(ครูดรุณ อาจารย์ใหญ่โรงเรียนบ้านศรีเวินชัย)อาจารย์ใหญ่คนแรกของตำบลสามผง...ที่มาจากการสอบเป็นอาจารย์ใหญ่...แนะนำว่ามาทางครูน่าจะไปทางครู...ปริญญาทางครูน่าจะเหมาะสมกับวิชาชีพ...และให้สมัครสอบ พม.(พิเศษครูมัธยม)แต่ครูรุ่นพี่แย้งว่าสอบพม.มันยากเพราะคนที่บรรจุก่อนเรายังไม่มีใครสอบได้เลย...เอ้อ...มันก็ท้าทายดี...เราสมัครสอบพม.สองปีได้ 3 ชุดวิชาครู...วิชาภาษาไทย...วิชาสังคม...อบรมภาคฤดูร้อนวิชาพละเดือนเมษายนปีต่อมาที่วิทยาลัยพละศึกษามหาสารคาม...ครบ 4 ชุดได้วิทยฐานะครูเพิ่มเงินเดือนเพิ่มเป็น 7 ขั้นแถมหนีบเอาเพื่อนเอาพี่ๆน้องๆในกลุ่มสามผงไปสอบได้กันทั่วหน้า...ก็ไม่เห็นจะยากนะ...
0000วันที่ 5 สิงหาคม 26 ปรับวุฒิ พม.จากครู 1 ระดับ 1ขั้น 1,865 เป็นครู 2 ระดับ 2 ขั้น 2,625 โรงเรียนบ้านแค...1 ตุลาคม ปรับเงินเดือนอีกหนึ่งขั้น...จากครู ป.กศ.แอ้ มีวุฒิอนุปริญญาต่อท้าย...ในห้วงนั้นมี มสธ.มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อันเป็นมหาวิทยาลัยเปิดแห่งที่ 2 เกิดขึ้นส่งสัยว่าวาสนารัฐศาสตร์รามคำแหงต้องหันหลังให้กัน...เพราะ มสธ.เปิดโดกาสให้กับทุกคน...ทุกสาขาอาชีพ...ที่มีวุฒิม.6ขึ้นไปสามารถเรียนเพิ่มเติมได้หรืออยากมีความรู้ต่างสาขาก็ได้...โดยเพียงแต่ลงทะเบียนเรียนทางไปรษณีย์...แล้วไปรษณีย์ก็จะนำหนังสือส่งให้ถึงบ้าน...อ่านอ่านและก็อ่านถึงเวลาไปสอบ...ผ่านเร็วจบเร็ว...ไม่ผ่านก็สอบซ่อม...แก้ตัวจนกว่าจะผ่าน...
0000 คณะศึกษาศาสตร์สาขาบริหารการศึกษา...คือวิชาที่เราจะต้องต่อยอดอีกสองปีก็จะได้ปริญญาตรี...เราไปสมัครเรียนลงทุนแค่ครั้งหนึ่งไม่เกินสองพันบาท...ดีกว่าเทียวลงกรุงเทพไปสอบราม...
0000ตั้งแต่เริ่มต้นตีแผ่เรื่องของเราให้ท่านทราบ...เรายังไม่เคยเล่าเรื่องผู้หญิงให้ฟ้งเลยนั่นแสดงว่าเราเป็นคนที่หญิงไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน...ที่ไม่ได้กล่าวถึงเพราะเธอไม่ใช่หญิงสาธารณะที่จะนำมากล่าวให้ใครฟัง
0000จบม.ศ.3 จากปิยะปี 17 รอไปเรียนต่อภาคค่ำที่วิทยาลัยครูสกลนคร คืนนั้นเราไปดูหนังกลางแปลงที่บ้านสามผง...ไปเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง(มีแววเป็นสาวแล้วนะ)ตัวเขียวยังกะแมงทับ...แต่รอยยิ้มเธอทำให้โลกทั้งโลกสว่างไสวคลายความม่นหมอง...นับจากวันนั้นจนถึงปี27 รวมเวลา 10 ปีเราขอเธอกินดอง...เธอก็พยักหน้า...เพราะเธอก็มีเราคนเดียว...วันที่เราไปขอประมาณเดือนธันวาคม...ป้าเรา(ครูอำนวย)ได้ถอนแหวนในมือท่านหมั้นไว้ก่อน...โดยที่เราไม่มีเงินสักบาทเดียว...แล้วนัดแต่งในเดือนหน้าเรากู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเป็นค่าดอง...ในวันศุกร์ที่ 13 มกราคม 27 คืองานสุขสันติ์วันกินดองของเรากับเจ้าหน้าที่สรรพากร 1 สำนักงานสรรพากรจังหวัดหนองคาย...ตั้งแต่นั่นมาเราก็ได้เมียผ่อนส่ง...เพราะจากวันนั้นถึงวันนี้...เรายังจ่ายหนี้สหกรณืไม่หมด...เพราะยืมแล้วยืมอีก...จนลาออกจากครูก็ยังไม่หมด...เรายังสอนอยู่บ้านแค...เธอ...นังลุ่ม...อยู่หนองคาย...ไม่มีโอกาสข้าวใหม่ปลามัน...แต่ค่าดองหนึ่งหมื่นบาทกับทองหนึ่งบาท...นับมาถึงวันี้ก็คุ้มแล้วล่ะ...

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

เหลียวหน้า...แลหลัง...สู่อนาคตของพ่อพิมพ์...




0000ครูหนุ่มแห่งลุ่มน้ำสงคราม...ทำหน้าที่เป็นพ่อพิมพ์ของชาติที่บ้านแค หมู่ 2 ตำบลสามผง เราอยู่ศรีเวินชัยหมู่ 6 ตำบลเดียวกัน อันเป็นสุดยอดของชีวิตอีกห้วงหนึ่ง...ที่ได้สอนโรงเรียนใกล้บ้าน ...คนบ้านแคกับคนบ้านเรารู้จักกันโดยพื้นฐาน...เป็นญาติกันเพื่อนกัน...ทั้งครูแก้ว ครูกล้า ครูเส็ง ก็เป็นคนบ้านแคจึงเปรียบเหมือนคนครอบครัวเดียวกันโดยมีพี่พล(อ.สุรพล เหมื้อนงูเหลือม)เป็นครูใหญ่หนุ่มโสดอายุเกิน 40 เป็นคนบ้านศรีเวินชัยเป็นญาติกัน ปัจจุบันเป็นผอ.โรงเรียนบ้านศรีเวินชัย ครูเปด(อ.นิพนธ์ ติยะบุตร)ปัจจุบันเป็นผอ.โรงเรียนชุมชนสามผง เป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวเทียวโรงเรียนด้วยกัน จึงทำให้ไม่เหงาทั้งงานโรงเรียนและงานชุมชน...
0000เสาร์-อาทิตย์-ตอนปิดเทอม เข้าป่าล่าสัตว์ ยิงนกตกปลา ยิงหมูป่าดงคำ ยิงบ่างยิงอีเห็น...นัดหมายกันทำมาหากิน... งานบุญ งานบวช งานแต่ง งานตาย ครูหนุ่มและทีมงานไม่เคยขาดงานไม่เลิกไม่กลับอันถือว่าช่วยงานเต็มที่เข้าตำรา "เหล้าบ่เหมิด ผู้นี้บ่หนี" บ้านแค เป็นหมู่บ้านอัศจรรย์ปีหนึ่งเป็นเกาะอยู่6เดือนทั้งตำบลสามผง มี2หมู่บ้านที่เป็นเกาะ คือปากยาม กับบ้านแค เพราะถ้าแลหลังกลับตั้งแต่เกิด การคมนาคมต้องทางเรืออย่างเดียว ต่อมาก่อนที่เราจะมาเป็นครูสักสองปี... มีถนนรพช.ตัดผ่านเรียกว่าถนนสายหาดแพง-หมูม่น...โดยเริ่มจากบ้านหาดแพง...บ้านคำไฮ...ผ่านดงคำ...และ(ที่ดงคำมีบ้านเกิดใหม่2หมู่บ้านคือบ้านไทยสบาย บ้านไทยเจริญ ผู้คนอพยพมาจากบ้านแค มาตั้งบ้านใหม่ริมถนนรพช.)บ้านดงน้อย... บ้านนาหนองหวาย...บ้านสามผง...บ้านศรีเวินชัย...ไปอำเภอบ้านแพงผ่านบ้านดอนเตย...และสิ้นสุดที่บ้านหมูม่น(ปัจจุบันคืออำเภอนาทม)บ้านเราเจริญขึ้นมีถนนตัดผ่าน รถราเพิ่มมากขึ้น...ตั้งแต่มีถนนเส้นนี่มายังลาดยางไม่สุดลาดเฉพาะในหมู่บ้าน...หน้าฝนต้องช่วยกันเข็นรถไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่งของถนน..ไม่น้ำท่วม...ก็ทางขาด...มีโคลนตมหน้าถนนไม่มีหิน...มีแต่ดินเหนียวล้วนๆ...
0000หน้าฝนเข้าพรรษาเราก็ต้องเข้าพรรษาที่บ้านแคประมาน 4 เดือน...ไม่ใช่ 3เดือนเหมือนพรรษาทั่วไปเพราะช่วง4เดือนน้ำยังไม่ลด...ถนนที่เชื่อมบ้านแคกับรพช.ยังไปมาหากันไม่ได้...เอ็นโดโร่สีเหลืองก็จอดเข้าพรรษาด้วยจะได้ใช้งานอีกทีก็หลังน้ำลด...เราอาศัยอยู่กับครอบครัวพี่พิมพี่วาส(นายพิมพา โสภา เป็นภารโรง)กับครูใหญ่ครูเปดปีต่อมาหลวงได้แจกครูสาวไปให้โรงเรียนบ้านแคหนึ่งคนชื่อนางสาวพูนสุข ใจสนุก แต่คนที่ได้เมียหลวงแจก...คือครูแก้ว เพราะทั้งคู่แต่งงานกันในปีต่อมา...เราและเพื่อนครูในกลุ่มสามผงพากันไปแต่งงานนายศุภชัย โพธิ์สุ กับนางสาวพูนสุข ใจสนุก ที่อำเภอนาแก
0000อยู่บ้านแค3ปีเพื่อนๆก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว...จันทร์-ศุกร์...สอนหนังสือเป็นครูๆๆๆๆๆๆๆๆ...เสาร์อาทิตย์เป็นชาวบ้านๆๆๆๆๆจนปี 27 อยากมีเมียเหมือนคนทั่วไป...แล้วจะทำอย่างไร
0000

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ครูหนุ่มแห่งลุ่มน้ำสงคราม..(ครูบ้านนอก)

...15 พฤษภาคม 2524 คือวันแรกแห่งการเป็นครู...เมื่อคืนนี้ญาติพี่น้อง...ลุง ป้า น้า อา ผู้หลักปักบ้าน...พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ ถูกแม่เชิญมากันเต็มบ้าน...เพื่อ...ทำการผูกข้อมือ...บายศรีสู่ขวัญ...อวยพร...สั่งสอน...แสดงความยินดี...พร้อมกับตลกบริโภค...สุดแท้พฤติกรรมใครจะแสดงออกอย่างไร...แต่ทุกคนที่มาวันนี้ล้วนแต่หน้าชื่นตาบานคนที่มีความสุขที่สุดคือแม่...แม่ใหญ่หวล...แม่ตู้(อุ้ย)เหรียญ (ยายเรา)ยิ้มไม่หุบ...ยายเราคุยจนน้ำหมากกระเด็นใส่วงสนทนา...หลานกูมันเก่งมันได้เป็นครูแล้ว...(แกไม่รู้หรอกว่าพญาแทนขีดเส้นมาให้เป็นอย่างนั้น)


...เราเป็นครูที่โรงเรียนบ้านแค...หมู่ 2 บ้านเราศรีเวินชัยมู่ 6 เป็นหมู่บ้านที่ไม่เคยได้รับเบี้ยกันดาร...เป็นหมู่บ้านที่เจริญกว่าทุกหมู่บ้าน...เพราะอยู่ติดลำน้ำสงคราม...การขนส่งเดินทางสะดวก...บ้านปากยามกับบ้านสามผง...ก็เจริญส่วนบ้านดงน้อย...นาหนองหวาย...ได้รับเบี้ยกันดาร...เจ้านายสรุปว่าไม่มีเส้นทางคมนาคม...มีไข้มาลาเลีย...กันดาร...ยากจน...(ก็มันเขียนเอา)...เราเพิ่งนึกได้ว่าตอนสอบทุนกันดารเมื่อคราวก่อนถึงมีเพียงสองตำแหน่งในตำบลสามผง...ทั้งๆที่มันก็เหมือนกันทุกหมู่บ้านนั่นแหละ...

...แม่ซื้อรถมอเตอร์ไซค์เอ็นโดโร่ (มือ 2 หรือ 3ไม่รู้)จากเพื่อนแม่ให้เรา...รถสตาร์ทไม่ติดต้องซ่อมก่อนถึงขี่ได้...เดือนที่ 1, 2,3, ผ่านไปยังไม่ได้รับเงินเดือน...ไม่รู้เพราะเหตุใด...ครูเก่าบอกเราว่าเป็นระเบียบ...ต้องตกเบิกหลังสามเดือนผ่านแล้ว...ระเบียบอะไรเราไม่รู้หรอก...เรารู้แต่ว่า...เราเดินเข้าร้านไหนภายในหมู่บ้าน...น้ำมันกี่ลิตร...เหล้ากี่ขวดเขาให้เราเซนต์หมด...มันช่างดีพิลึก...

...1,535 บาทต่อเดือนหลังสามเดือนได้รับเงินตกเบิก 4,605 บวกกับอีก 15 วัน เป็นเงิน 5,372 บาท...ได้รับเงินเดือนครั้งเดียว...เกินครึ่งหมื่น...ไม่ใช่น้อยสำหรับเรา...เรานำเงินไปจ่ายร้านที่เป็นหนี้ค่าเหล้า ค่าน้ำมัน สบู่ยาสีฟัน...ไม่พอหวะ...ขอติดหนี้ไว้เดือนต่อไป...ร้านค้าก็แสนใจดี...บอกเราว่าไม่มีปัญหาอยากได้อะไรขอให้บอกกลางวันกลางคืนเรียกได้ตลอด...แถมให้ใครมาเอาก็ได้
...กลับมาบ้านบอกแม่...ได้เงินเดือนแล้วแต่ไม่เหลือ...แม่บอกไม่เป็นไรหรอกลูก...ขอแต่ให้เจ้ามีเงินเดือน(ได้เป็นเจ้าแล้ว)ไม่ให้แม่ก็ไม่เป็นไร...เพราะไม่ได้ใช้อะไร...ขอแต่ช่วยน้องเวลามันขอบ้าง...แค่นี่แม่ก็มีความสุขแล้ว...
แม่บอกเราอย่างนั้นจริงๆ.................

ร่มโพธิ์หักหมู่นกแตกรัง...แต่เราไม่ใช่

....พ่อเป็นความดันโลหิตสูง...เส้นเลือดในสมองแตก...พ่อเป็นนักมวย...เป็นประดาน้ำดำนำเก่ง...เป็นนักดื่มตัวยง...เป็นพ่อที่หาเลี้ยงทุกคนในครอบครัว...พ่อไม่เคยซื้อกับข้าว...นอกจากข้าวเพราะพ่อไม่มีนา...พ่อเป็นทุกอย่างของครอบครัว...แต่จำเป็นอะไรที่พ่อจะต้องตายด้วย...มันคือความสับสนของชีวิตมนุษย์ตนหนึ่ง...ที่มีทั้งทุกข์ สุข โศรกเศร้าคละเคล้ากัน...ทำไมต้องเกิดกับครอบครัวเราด้วย...พ่อตายตอนอายุ 51 ครึ่งคนพอดีกำลังตั้งลำได้ เราเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย น้องสาวเราก็เช่นเดียวกัน คนต่อๆมากำลังเรียนพ่อบากบั่นอยากให้ลูกๆได้เรียนเพราะตัวเองไม่มีโอกาส...ความสูญเสีย...ความระทมทุกข์ทั้งหมดเราเขียนไว้ในหนังสืออนุสรณ์พ่อ...เราบวชกลางพรรษา...อุทิศส่วนกุศลให้พ่อ...เพราะเดือนตุลาคมยังไม่ออกพรรษา...รับกฐินเสร็จราวเดือนพฤศจิกายน...สึกออกมาเป็นทิด...ก่อนสึกญาติผู้ใหญ่...อาของยายคือขุนพนมอำนวยสุข ที่อยู่เมืองนครพนม...ถึงแก่อนิจกรรม...เราไปร่วมทำบุญจัดการงานศพกับตายาย...จูงไปพระราชทานเพลิงศพที่วัดศรีเทพ..เราไปนอนจำพรรษาที่วัดศรีเทพ 3 คืน...จนงานศพเสร็จ...เราไม่ได้ไปสอบที่รามหลังน้ำลด...กะว่าทำบุญ 100 วันให้พ่อเเล้วจะเข้ากรุงเทพอีกครั้งเพื่อไปเรียนต่อ...หลังทำบุญสิบวัน...ได้ทำบุญอีกรอบ...ตาด่อง อดีตศึกษาธิการอำเภอเมืองมุกดาหาร...ตายไปอีกคน...เราบวชอีกครั้งเพื่อจูงศพให้ตา...เลยไม่ได้เข้ากรุงเทพ
.....ปีนั้น...ทางการโดยสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครพนม ที่เปลี่ยนสภาพจากครูองค์การ มาเป็นครูสปจ. ประกาศปล่อยผีรับสมัครผ้มีวุฒิครู...ทั้งครูพ.กศ.,ป.กศ.,ป.กศ.สูง,พ.ม.และมีแถมผู้ที่ได้รับวุฒิทางอาชีวศึกษาปวช.,ปวส,อาชีวะสูง ทางเกษตร ทางช่าง,รับไม่อั้นเขาบอกว่าครูขาดแคลน...โดยเฉพาะด้านวิชาชีพ...เขาประกาศว่าขาด...ครู.สลน.,ครู.สปช., ครู.กพอ.อันความหมายของคำย่อเราไม่รู้...เรารู้แต่ วิทย์,คณิต,สังคม,พละ อะไรประมาณนั้น...ซึ่งตอนเรียนครูก็ไม่มีคำย่อพวกนี้...เราไปสมัครสอบ โดยที่หัวยังโล้นอยู่...มีคนสมัครสอบ 5 คน...ทางการรับ 4 คน...เดือนเมษายน...เขาประกาศว่าเราสอบได้และบรรจุเป็นครูในวันที่ 15 พฤษภาคม...โดยเรียงลำดับผู้สอบได้ที่ 1 คือ นายศุภชัย โพธิ์สุ(ครูแก้ว) 2.นายไกรยุทธิ์ โพธิ์สุ(ครูกล้า) 3.นายอารมณ์ เวียงด้าน(ครูไก่) 4.นายคำเส็ง ผงจำปา (ครูเส็ง) จึงเป็นที่มาว่าครู 3 ก.แห่งโรงเรียนบ้านแค (ไก่ แก้ว กล้า)ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม...ถึงครอบครัวจะได้รับความเศร้าโศก เราก็ทำให้แม่น้องๆ ญาติพี่น้อง ได้รับความสุขเช่นเดียวกัน...